วันเสาร์

พิทักษ์ "ตะวัน"






ตอนนี้"วัดใหญ่"เมืองปทุมคึกคักน่าดู น.ส.พ. ลงข่าวกันทุกฉบับ..  

"ทีวี"ก็มากันทุกช่องแถมยังมี"คอปเตอร์"บินวน วันละหลายๆรอบ..

ไม่รู้ว่าหลวงพี่หลวงน้าหลวงอา ท่านจะ"จำวัด"กันหลับหรือเปล่า.??  

หรือกำลัง"ถกเขมร"โพกผ้าอาบคาดประคต ทำหน้าที่"ปกป้อง"วัดดั่ง "พระครูธรรมโชติ"

ทำให้นึกไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา"นักรบ"ค่ายบางระจัน ก่อนวันกรุงจะแตก!!!


วัดพระธรรมกายก็เหมือนหน้าด่าน ถ้าโดน"ตีแตก"พระพุทธศาสนาในเมืองไทยก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก..

หลวงพ่อ"ธัมมชโย"ท่านยืนหยัด ที่จะต่อสู้กับความ"อยุติธรรม" 

โดยไม่ยอมให้อำนาจนอกระบบ.. นอกกฏหมาย.. 

มาเหนือกว่า"ความถูกต้อง"เหนือกว่า"ความชอบธรรม".!!!!


"อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด"ให้มันรู้กันไปเถิดว่า.. 

การที่จะรักษาพระธรรมวินัย.. การที่จะรักษาพระพุทธศาสนา.. 

ที่เป็น"มรดกตกทอด"มาแต่ปู่ย่าตายายบรรพบุรุษ.. 

มันจะมา"แพ้พ่าย"ให้แก่คน"ทุศีล"แค่กลุ่มเดียว.!!!

กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี"ปทุมธานี"จึงยังต้องมีพวกเรา.!!!  

ที่จะคอยปกปักษ์รักษา"ตะวันธรรม"ให้เป็นแสงสว่างให้แก่ชาวโลก ไปตราบนานเท่านาน.!!!!!


เด็กข้างวัด..

วันพุธ

ยายเม้ากับหลาน




ยายเม้าปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆอยู่ข้างวัด  มีอาชีพทำความสะอาดที่โรงเรียนและมีหลานตัวเล็กๆคือ "เด็กหญิงส้ม" ที่ลูกสาวทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก่อนจะหายจากบ้านไป

วันหนึ่งแกมีวิธี "นำเงินออกมา" โดยมิถูกจับได้ เลยฉวยโอกาสที่จะทำแบบนี้อีกหลายครั้ง ทำให้มีเงินพอจับจ่ายใช้สอย และ "ส่งเสีย" หลานจนเรียนจบ

เด็กหญิงส้มเรียนจบแล้วเป็น "นางสาวส้ม" โดยไม่เคยรู้เลยว่า "เงิน" ที่ส่งเสียให้ตัวเองเรียนนั้น บางส่วนเป็นเงินที่ยาย "ขโมยมา"

วันหนึ่งจับได้ว่า "ยายเม้าขโมย" และเงินส่วนหนึ่งก็คือ "ค่าเล่าเรียน" ของนางสาวส้ม...

เรื่องนี้ "ใหญ่โต" มาก ท่าน DSI รับเข้าเป็น "คดีพิเศษ" และตั้งใจทำให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะกลัวว่าเด็กๆทั้งประเทศจะเป็นอย่าง "เด็กหญิงส้ม" รับเงินจากผู้ปกครอง "โดยไม่ถาม" ให้ชัดเจนถึงที่ไปที่มา

เท่านั้นมิพอ ท่าน DSI ยัง "ตั้งข้อหา" กับนางสาวส้ม  เพราะค่าเล่าเรียนที่นางสาวส้ม "ใช้จ่าย" จนจบการศึกษานั้นเป็น "เงิน" ที่ยายเม้า "ขโมย" มาจากโรงเรียน

มิวายที่ยายเม้าจะพร่ำบอกว่า "แกทำของแกคนเดียว" หลานแกไม่ได้ "รู้เห็น" กับการกระทำใดๆของแกเล้ย แต่เนื่องจากนางสาวส้มเติบโตขึ้นเป็น "หญิงสาวที่สวยงาม" จึงไป "เตะตา" ต้องใจของ "ผู้ใหญ่"

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องใช้กล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเสกคาถา "ใบสั่ง" จึงตกลงมาว่า "หัวเด็ดตีนขาด" ก็ต้องเอา "นางสาวส้ม" มาให้ได้... นี่มัน "นิยาย" ชัดๆ แถม "น้ำเน่า" ด้วย

ยายเม้าก็ "ติดคุก" ไปตามระเบียบ ส่วนนางสาวส้มนั้นถูกตั้งข้อหาว่า "สมรู้ร่วมคิด" เพราะเอาเงินที่ยายเม้าขโมยมา "เปลี่ยนเป็นวิชาความรู้" จนเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยมีรายได้ ถือเป็นการ "ฟอกเงิน" และ "รับของโจร"

เกิดมาเป็นคนไทยก็ต้องหัดทำใจกับ "กฎหมาย" ยิ่งอยู่อาศัยข้างๆ "วัดบ้านนอก" ก็ยิ่งเปรียบเหมือนประชาชนชั้นสอง เพราะขึ้นชื่อว่า "พระบ้านนอก" ก็ดี "วัดบ้านนอก" ก็ดี ต้องรักสงบมีเมตตาวางอุเบกขา และต้องยินยอมให้ถูกกระทำในทุกกรณี

เชื่อว่าหากยายเม้าและนางสาวส้ม มิใช่มีบ้านอยู่ข้าง "วัดบ้านนอก" แต่ย้ายไปอยู่ข้าง "วัดในกรุง" อาศัยบุญบารมีท่านเจ้าคุณฯ เชื่อว่าท่าน DSI  ก็คงไม่กระตือรือร้นสนใจ เพราะใครๆก็คงกลัว "ม.157" และมิอยากจะเกษียณกันในคุกหละจร้า

เด็กข้างวัด