วันจันทร์

อัยเกิน?


ขอบคุณภาพจากมติชน  คลิ๊ก


เป็นเจ้าหน้าที่รัฐถ้าทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของ "รัฐ" อันนี้น่า ..ยกย่อง ..สรรเสริญ

แต่พวกมาใช้อำนาจรัฐ เพื่อ แสวงหาผลประโยชน์ "ตน" อย่างนี้ก็น่าเหมือนกัน แต่น่าจะให้ไป...เกิดใหม่

เป็นพวกขยัน.. ขยัน "เกิน" หน้าที่..!!!!!!!!




เคยมีเพื่อนที่เป็นตำรวจมาเห็นรถที่ใช้  "รถมึง.. ถ้ากูจะหาเรื่องจับ ก็จับได้สบาย..!!!

"จะจับเรื่องไรว่ะ"..???   ชักสงสัยเหมือนกัน ก็ใช้มาตั้งนานไม่เห็นจะเคยมีปัญหาไร

"ป้ายทะเบียนเอียง.. กันชนยื่น.. กระจกข้างหาย"

ยังดีไม่มีข้อหา.. ไม่ล้างรถ !!!



ปัตโถ่.. ต่อให้เป็น "นางงามจักรวาล" อย่าว่าแต่แค่นางสาวไทยเลย.. ถ้าจะให้หาที่ "ติ" มันก็หาได้อยู่แล้วแหละ..

ผอมไปนิส.. คล้ำไปหน่อย.. พูดไม่ซัด.. 

ยังไงก็ขออย่าให้มี "สวยเกินไป" เลยนะพ่อคุณ..!!!!!!!!



วัดกับ "เงินบริจาค" มันก็ของ "คู่กัน" อยู่แล้ว..!!!!!

ก็หลวงปู่ หลวงตา ท่านไม่ได้ "ทำธุรกิจ" กันนี่ครับท่าน..

หรือจะให้หลวงพี่ที่ "จบหมอ" เปิดคลีนิคในวัด..????




ยิ่งเป็น "วัดพระธรรมกาย" ที่มีลูกศิษย์ นับล้าน..  ล้านคน ก็ล้านอาชีพ แต่ก็จุดประสงค์เดียวกันคือ "บริจาค"... เพื่อหวังบุญ !!!!!

เส้นทางการเงินที่จะมาถึงวัดย่อม "มากมาย" หลายหลาก..!!  รวมถึง ..วัดก็ใหญ่ ..คนก็เยอะ ..งานก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา  และเมื่อ "สร้างงาน" ก็ต้อง "ใช้เงิน" 

หรือนี่จะเป็น "เส้นทาง" ที่ท่าน คอย..สาว ???




และอีกอย่าง "วัดสาขา" ก็มีไปทั่วโลก.. มันก็ย่อมมีการ "ติดต่อ" ทางการเงิน "ระหว่างประเทศ" กันบ้าง.. ไม่มากก็น้อย

แต่ทางวัดก็ยืนยัน.​. นั่งยัน.. นอนยัน.. ไปแล้วว่า ไม่มีการเอาเงิน "เมืองไทย" ไปซื้อวัดที่ "เมืองนอก"  มีแต่จะ "ขนเงิน" เมืองนอกมาช่วยกัน "สร้างวัด" ที่เมืองไทย



เพราะฉะนั้น "ยิ่งสาวยิ่งพบ" นะไม่กลัว กลัวแต่ว่า "ยิ่งหายิ่งแก่"  ก็ดันไปคุยไว้ซะ "ใหญ่โต" เลยต้องมา "ควานหา" หลักฐานจนเหนื่อย..  

แหมม.. เห็นว่าเขารวยหน่อย เลยนึกว่าจะเป็นโจร..

ก็คนดีๆที่เขาตั้งใจทำมาหากิน "สุจริต" แล้วรวยก็มีตั้งเยอะแยะ  อย่าไปเหมาว่าใครๆก็ต้องเหมือนตัวซิจ๊ะ.... เตง

เด็กข้างวัด



วัดพระธรรมกายนิวคาสเซิล ใหญ่ซะขนาดนี้คงเป็นพันล้าน
  คลิ๊ก


เด็กชายสมชายเอ๋ย


อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก


ไม่อยากจะใช้คำว่า.. กินปูนร้อนท้อง 

แต่ก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบเหมือนกัน.. กับกรณีที่ทาง DSI "รีบร้อน" ออกมาชี้แจงกรณีที่มีบุคคลเอา "คำพิพากษา" ของศาลปกครอง มา "โพสต์" ว่าเรื่องการบริหารสหกรณ์ต้อง "ร้องเรียน" ต่อศาลปกครอง ไม่ใช่ต่อ ปปง. หรือ DSI..



เรื่องมัน "ยืดเยื้อ" มาซะจนเกือบลืมไปแล้วว่า ตกลงมัน "คดี" อะไรกันแน่..??? 

เพราะเริ่มมาจากพระ "ในเมือง" ไปๆมา จะเข้าไปจับพระ "ในป่า" เสียแล้ว.. หรือว่าจะถนัดเรื่อง "เข้ารกเข้าพง"

ถ้าเป็นละคร "ผู้ชม" ก็คงจะสาปส่ง "คนสร้าง" ไปหลายกระบุงโกยแล้ว.. โทษฐานเขียนบท "ห่วยแตก"

มีอย่างที่ไหนให้ "ผู้ร้าย" มาไล่จับ "พระเอก"

อย่างนี้สร้างอีกกี่เรื่องก็.. เจ๊ง !!!!!!!!!!





แท้จริงแล้ว "ลูกศิษย์" เขาก็แค่สงสัยเท่านั้นเองว่า "หลวงพ่อ" ของพวกเขา นั่งรับบริจาคอยู่ที่วัด มันเป็นการ "ฟอกเงิน" "รับของโจร" ได้อย่างไร..????"

แล้วอีก "108" แห่ง ที่ได้รับเงินจากสหกรณ์ "เหมือนกัน" ทำไมถึงโดนปฏิบัติ "ไม่เหมือนกัน" ไม่เชื่อก็ลองไปถามแถวถนน "อังรีดูนังต์" ดูก็ได้ว่า "คุณพี่คนD" เคยไปเยี่ยมเขาไหม..???

อีกข้อก็คือ โยมเอา "ปัจจัย" มาถวายที่วัด.. พระต้องคอยถามก่อนหรือว่า..   โยม อันว่า "เงิน" นี้ท่านได้แต่ใดมา..???

เพื่อจะได้ให้ หลวงปู่หลวงตา "ทั่วประเทศ" ท่านรับ "นโยบาย" นี้ไปปฏิบัติ..!!!





ก็ถ้า "คุณพี่คนD" ตอบได้ "เคลียร์คัตชัดเจน" ทั้ง สองข้อ เชื่อว่าลูกศิษย์ทั่วโลก เขาก็คงให้ความ "ร่วมมือ" และ เรื่องก็คงจะ.. Happy Ending

แต่นี่เห็นถามทีไร ก็เจอแต่.. มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว..!!!

หรือเพราะมันผิดตั้งแต่ "กระดุมเม็ดแรก" อะไรๆมันก็เลยเพี้ยนไปหมด..

แต่ก็ต้อง "ไถลไถแถก" กันไปให้ถึง.. แต่ยิ่งไป ก็ยิ่ง "ถลอกปลอกเปิก"




ก็แล้วทำไม "ท่าน" ถึงไม่ทำให้มัน...ถูกขั้นตอน ?

หรือมันจะมี "อะไร" ในกอไผ่..?????

ก็เล่นตอบแบบนี้ มันถึงต้องมีการ "ชี้แจง" กันไปมา แล้วเรื่องมันก็คงต้องถึง "คุณครูอังคณา" กันแน่หละครับคราวนี้..!!!!!!!!

เด็กข้างวัด..


คนยังแห่มาวัดกันอย่างเนืองแน่นเมื่อวัน"ธรรมชัย"ที่ 27 สค. ที่ผ่านมา
  เพราะไม่เชื่อเรื่องของ เDกชาย Sมชาย Iลย

วันอังคาร

ก็เพราะคิดถึง




ตลอดช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา ไม่มี "ข่าวใด" ดังนานยาวนานเกินข่าว.. ธรรมกาย 

เริ่มจาก "หลวงพ่อ" ฟอกเงิน.. ต่อด้วย รับของโจร..

เพิ่มมาเป็น "ขัดขืน" กฎหมาย.. ตั้งรัฐอิสระ.. 

วันนี้ยังแถม บุกรุกป่า..  พรุ่งนี้.. ????

ล้วนแล้วแต่ สาหัสสากรรจ์....



แต่ไหนแต่ไร เรื่องที่จะ "เล่นงานพระ" หลักๆ ก็มี สตรี กับ สตางค์..

เพราะสังคม "เชื่อไปก่อน" แล้วกว่าครึ่ง..

หลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ท่านไม่เคยมีข่าวด้าน.. สตรี

เพราะฉะนั้นพอใช้แผน "นารีพิฆาต" ไม่ได้  ก็เลยต้องหันมาเล่นเรื่อง..สตางค์  

แต่ "เจาะ" อย่างไรก็เจาะไม่เข้า..!!!!!!




เพราะตั้งแต่โดน "คดีมั่วๆ"" มาเมื่อปี 42  

ทางวัดก็เริ่ม.. รัดกุม 

ทำไรก็เก็บ "หลักฐาน" ไว้พร้อมโชว์..

จะคิดแบบเดิมๆไม่ได้แล้วว่า.. ก็เราทำแบบ "บริสุทธิ์ใจ"

จะมี "ใคร" ที่ไหนคิดมา "รังแก" วัด..!!!!!!



ครั้งนี้เลยไม่มีไร "ให้เล่น"  ถึงแม้จะมีรายการ.. คุณขอมา

ประจวบเหมาะ  "สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน" โผล่มาเป็นคดีใหญ่..

เอาว่ะ..!!!  ขืนรอช้ากว่านี้ คงอดกันพอดี.. 

คดี โค-ตะ-ระ-มั่ว จึง อุบัติขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย ให้ "วิญญานปู่" แทบจะลุกขึ้นมาจากหลุม..

มา "ดูหน้า" ไอ้ลูกหลาน "คนดี" ทั้งหลาย..!!!!!!!





พระนั่งรับบริจาค เป็น "ฟอกเงิน" ได้อย่างไร  ก็รับกันมาตั้งแต่.. สร้างชาติ !!!

พระไม่ถามโยมว่า "เงินมาจากไหน" กลายเป็น.. รับของโจร !!!

มันเอา "ส่วนไหน" ของร่างกายคิด..!!!! 

ขืนไปถาม.. โยมได้กลับบ้านกันหมด..

ก็ส่อว่า "เกิดมา" สงสัยไม่เคยไปวัดทำบุญ.. 

ลองตัวเองไป แล้ว "โดน" หลวงตา ถาม ว่า..

ท่านๆ !!! ..เงินนี้ท่าน "คอรัปชั่น" มาป่าว..???? 

ดูซิ "ทั่น" จะทำหน้าอย่างไร..!!!!!!!!!





ก็เลยต้องถอยมา "สุมหัว" คิดกันใหม่ว่าจะเอายังไงดี..???

เมื่อ เล่นงาน "พ่อ" ไม่จนซักที..

หันไปเล่น "ลูกพ่อ" ตามต่างจังหวัดก็คงจะเข้าที..

ไล่มาตั้งแต่..เชียงใหม่ ..ตาก ..เลย ..โคราช  ลงไปถึง ภูเก็ต.. พังงา

ล้วนแต่จังหวัดที่ยังอุดมด้วย "ป่าไม้" ทั้งสิ้น.. 

แม้แต่เมืองกาญจ์ ที่หลวงตาท่าน "นั่งรถเข็น" ก็ไม่วาย..

ก็คำว่า "บุกรุกป่า" มันได้ใจ มวลชน..

แต่ "คนทำ" มัน ได้ใจ.. ยมบาล !!!





เมื่อเล่นงาน "ธรรมกาย" ด้วยสตรี.. ก็ไม่มีมูล  จะโยงมาเรื่องสตางค์ ทางวัดก็ ชัดเจน..  ไป รังควานหาเรื่อง "วัดสาขา" ก็จนด้วยพยานหลักฐาน..  หันรีหันขวาง  เอาเรื่อง "คำสอน" นี่หละว่ะ..

"สงฆ์ไทย" อยู่กันมาแบบสมัครสมานสามัคคี  จะหลวงไทยหลวงจีน เถรวาทหรือมหายาน ก็ปรองดองกันดีไม่มีปัญหา.. 

คราวนี้จะมาแยก "อุปถัมภ์ค้ำชู" ระหว่างเถรวาทกับมหายาน.. 

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...

แผนต่อไป ก็ดัน "ธรรมกาย" ออกมาจากเถรวาท..!!!!!!!



ปัตติโถ่.. ทีร่าง "รัฐธรรมนูญ" ยังเลือกที่จะ "ทำเอง" 

แต่ที "กฎหมายพระ" จะมา "ทำให้" 

อยากได้ "คนดี" เข้าสภา..  อยากมี "รัฐมนตรี" ที่ซื่อสัตย์สุจริต.. อยากให้เป็น "รัฐบาล" ที่ไม่โกง.. 

ง่ายนิดเดียว.. เพราะไหนๆก็คิด "เสียสละเพื่อชาติ" กันอยู่แล้ว..  

มา "บวช" กันซักคนละพรรษา.. เผื่อว่าจะได้ซึ้งใน "รสพระธรรม" ....  กลัวแต่บวชได้ "สามวัน" จะร้องไห้กลับบ้านเพราะคิดถึง "แม่ไอ้หนู" มันนะซิ....เฮ้อ

เด็กข้างวัด


กะลาแลนด์

วันศุกร์

ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าดันมาโวย


นสพ.ยี่ห้อนี้การันตี "ความหมาย" อยู่แล้ว


วันก่อนอ่านเจอ นสพ.ผู้จัดการ เขียนในคอลัมน์ทำนองว่า "ธรรมกาย" ตั้งทีมไซเบอร์สู้ในโลก "ออนไลน์" เพื่อปลุกระดม "ศิษย์" แบบชี้นำ..


คนเรานี่ก็เเปลก.........

เขียน "ด่า"  ...  เขาได้เป็นปีๆ.. ด่าจนย่ามใจ 

คนโดนด่าก็แบบว่า "ด่าได้ด่าไป".. เหนื่อยเมื่อไรเดี๋ยวก็เลิกเอง

ฝ่ายด่าเลยยิ่งด่ายิ่งมัน เพราะ "ชกเขาข้างเดียว" ใครๆก็ชอบ ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องกลัวเขา "สวนมา" ให้เสียมวย..



มาวันนี้ธรรมกาย เริ่ม "ตื่น"  เอ่ะ.. คิดว่า มันจะเหนื่อยไม่ยักเหนื่อย แถมยิ่งด่ายิ่ง.. เลยเถิด

ความเสียหายไม่ใช่แค่ "ตัวเอง" แต่กินถึง.. พระพุทธศาสนา

ขืน "เงียบ" ต่อไป คงไม่เข้าที เลยลุกขึ้นมาตั้งทีมสู้..

จริงๆก็แค่เอา "ข้อมูล" มาเปิดเผย แล้วก็ให้ "ผู้อ่าน" ตัดสินใจเอาเอง จากที่เมื่อก่อน "คนอ่าน" ได้รับแต่ข้อมูล "ด้านเดียว" จากสื่อทั้งหลาย.. 

เพราะวัดถือหลัก "ไม่สู้ ไม่หนี ทำดีมันเรื่อยไป" วันหนึ่งความจริงจะปรากฎเอง.. 

ทำนองว่า.. ทองแท้ไม่กลัวไฟ 

แต่ก็ลืมไปเรื่องหนึ่งว่า ทองแท้ถึงไม่กลัวไฟ แต่ถ้า "โจร" มันชอบใจ ก็พร้อมจะขโมย..

ยิ่งแท้ซิยิ่งดี.. ขายง่ายดี



ด่า "ธรรมกาย" ข่าวขายดี แถมไม่มีคนฟ้อง..

ยิ่งในยุค 4G แบบปัจจุบัน ทั้งไลค์ ทั้งแชร์

อ่านข่าวกันทางมือถือ แทปเลต.. 

ของจริงก็เป็น "ของเก๊" ได้ง่ายๆ.. 

เอา "ประเด็น" ที่มันโดนใจ.. ชาวบ้าน

ข่าว "นั่งเทียน" ทั้งหลาย ใครมันจะมาพิสูจน์..


อบรมการใช้สื่อแชร์เรื่องธรรมะ


คราวนี้เมื่อ​ธรรมกายลุกขึ้นมาสู้ ด้วย.. หัตถสวรรค์ ปัญญาเทวดา

แทนที่จะให้รอให้คนต้องมา "พิสูจน์" ถึงวัด ก็เริ่ม "แจกจ่าย" ข่าวสารออกไปมั่ง..

ฝ่ายที่เคยด่าแบบสบายอกสบายใจ เลยเริ่ม "เดือดร้อน" เพราะคนเริ่มรู้ว่า "ข่าวมั่ว" เลยต้อง "เบรค" ด้วยการช่วยกัน "เตะสกัด" ว่า ธรรมกาย..  ชี้นำสังคม 

แท้จริงแล้ว ตัวเองนั่นแหละ "ปั่นหัว" ชาวบ้านให้เกลียดธรรมกายมาหลายปี..

คราวนี้ พอความจริง เริ่มปรากฎ เลยเดือดร้อน

เพราะหลายฉบับ "ยอดขาย" ก็เริ่มตก..

"บัญชี" ก็ขาดดุล.. 

ศิษย์วัดก็คงอยากตะโกนดังๆออกมาว่า "ทีเองข้าไม่ว่า ทีข้าดันมาโวย"..​ บักหำน้อยเอ้ย

เด็กข้างวัด..


 หนึ่งในข่าวที่ "มั่วๆ" ไปก่อน ค่อยไปแก้กันทีหลัง

วันพุธ

เข้าใจง่ายๆ




ในอดีตกาลเมื่อครั้ง "พระโพธิสัตว์" ถูกประทุษร้าย...

หนึ่งในวิธีที่ท่านใช้ "ปกป้อง" ตัวเองก็คือ...

กล่าวความร้ายกาจของ "ผู้วางแผน" ด้วยประโยคสั้นๆว่า...

ขี้โกรธ.. อกตัญญู.. ชอบส่อเสียด.. ประทุษร้ายมิตร

ท่านพูดซ้ำๆจน "ศัตรู" ก็รู้สึกแปลกใจ...

ในที่สุดก็ทนไม่ได้ต้องถามถึง "ที่มา" ของคำทั้ง 4

เมื่อฟังแล้วถึง "รู้ว่า" ผู้วางแผนเป็นคนอกตัญญู...

เมื่อวันนี้ฆ่าพระโพธิสัตว์ผู้มีพระคุณได้... 

วันหน้าก็คงฆ่าตัวเขาเองได้...

จึง "กลับใจ" ประหารผู้วางแผนแทนที่จะทำร้ายพระโพธิสัตว์

........................

ปัจจุบัน "หมู่สงฆ์" กำลังถูกประทุษร้าย...

"พระพุทธศาสนา" ถูกย่ำยีอย่างหนัก...

ถ้าจะกล่าวความร้ายกาจของ "ผู้สั่งการ" ด้วยประโยคสั้นๆว่า...

อคติ.. เนรคุณ.. บิดเบือน.. ทำลายพระศาสนา

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า...

ผู้ที่กำลัง "ไล่ล่า" พระสงฆ์จะได้ "สำนึก"..??

"สื่อ" ทั้งหลายจะคำนึงถึง "จรรยาบรรณ"..??

ชาวพุทธจะ "สำเหนียก" ถึง "ภัย" ที่กำลังคุกคาม..??

และ "ผู้สั่งการ" จะระลึกถึง "บุญคุณ" ของพระพุทธศาสนา..??

............................

เรื่องส่วนตัวก็จะขอวางอุเบกขา...

แต่ถ้าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา...

ก็จะขอเอาอุเบกขาวาง...

แล้วก็คงต้อง "ลุย" ชี้แจงแถลงไข

ให้สังคมได้รับรู้ถึง "ที่มา" ของคำทั้ง 4

อคติ.. เนรคุณ.. บิดเบือน.. ทำลายพระศาสนา

เพราะถ้าจะหวังให้ "กลับใจ" แบบในชาดก... 

ก็คงจะต้อง "อด" เพราะว่า "ภาพมันฟ้อง"

เข้าใจง่ายๆกันนะครับ..!!!!

เด็กข้างวัด..