วันเสาร์

งามไส้ DSI




อ่านเจอคอลัมน์ของ "สหบาทา" ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขียนทำนองว่า "สงสาร" สมาชิกสหกรณ์ที่จะต้องสูญเสียเงิน..

หลังจากที่อัยการสั่งเลื่อนคดี "หลวงพ่อ" วัดใหญ่เป็นครั้งที่ 5.. โดยมิได้ระบุสาเหตุ

กลัวว่าเงินที่ "สมาชิก" สู้เก็บหอมรอบริบมาตลอดชีวิตจะมลายหายวับ..

เห็นด้วยอย่างยิ่ง.!!!


เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน "บริจาค" ออกไปนั้นมีมากถึง 12,000 ล้านบาท..

ไปเข้ากระเป๋า "ธรรมกาย" ประมาณ..พันกว่าล้าน

ที่เหลืออีก "หมื่นกว่าล้าน" ก็กระจัดกระจายไปตามองค์กรการกุศลต่างๆ รวมถึงสภากาชาดไทย..

ซึ่งก็สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้จาก "เช็ค" ที่สั่งจ่ายออกไป..


แต่เบื้องต้นก็ดูเหมือนว่า "สปอร์ตไลท์" จะฉายจับไปเฉพาะที่ "ธรรมกาย" จนกลายเป็นตำบลกระสุนตก..

ลูกศิษย์ทั้งหลายก็เกิดความวิตกว่า เดี๋ยว "มือที่สาม" จะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์..

จึงได้รวมตัวกัน "ลงขัน" จ่ายคืนให้กับ "สหกรณ์" เท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับมา..

ถือเป็น "เจ้าแรกและเจ้าเดียว" ที่ได้ "เยียวยา"ให้กับสมาชิกสหกรณ์


ซึ่งโดยตัวบท "กฎหมาย" การที่มีผู้ "บริจาค" เงินให้กับวัด..

และทางวัดก็ได้ใช้ไปในการ "สร้าง" ศาสนสถานเรียบร้อยแล้วนั้น..

ทางวัดมิจำเป็นต้อง "คืนเงิน" ให้แก่ผู้บริจาค.. และถึงแม้อยากจะคืนก็คงไม่มีจะคืน เพราะได้มาก็ใช้ไป..

แต่ด้วย "มนุษยธรรม" ศิษย์ทั้งหลายจึงกระทำหน้าที่นี้แทน.!!!




เรื่องก็ "ง่ายๆ" แล้วก็น่าจะจบสำหรับกรณีของ.. ธรรมกาย

DSI ก็จะได้มีเวลาไป "ตามหา" เงินที่เหลืออีกหมื่นกว่าล้านบาทจากผู้รับบริจาครายอื่นๆ..

แต่ไฉนกลับมิได้ทำ.. จำเพาะเจาะจงจะเล่นงานแต่.. หลวงพ่อ

ทำนองว่าเรื่องนี้ไม่ผิด ก็ไปหาเรื่องนั้นต่อ.. ไม่ยอมจบ


เล่นงาน "วัดพ่อ" ไม่ได้ ก็หันไปหา "วัดลูก"

แม้แต่วัด "หลวงตา" ก็ยังไม่ยอมเว้นจอง "กฐิน" กันจนถึงที่สุด..

มิหนำซ้ำ.. สถานที่ปฏิบัติธรรมที่สร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย.. 

ยังมิวายเอาข้าราชการที่โดน "ไล่ออก" จากการทุจริตมา "รังวัด" เซ็นต์ว่ามีการบุกรุกป่า


แล้วก็อาศัยสื่อ "ขาประจำ" เที่ยวเขียนข่าว "มั่วๆ" โยงไปโยงมาให้สังคมสับสน.. 

สร้างภาพธรรมกายว่าเป็นผู้มี "อิทธิพล" ขนาดสั่งอัยการให้ "เตะถ่วง" ได้..

ก็ถ้า "สั่งได้" ขนาดนั้น จะรอจนเรื่องบานปลายมาขนาดนี้ทำไม "ตัดไฟเสียแต่ต้นลม" ไม่ง่ายกว่าหรือ..

ดีที่ "กระแส" ปลุกไม่ขึ้น.. เพราะคนเดี๋ยวนี้ ก็มี "ช่องทาง" การรับข้อมูลข่าวสารหลากหลาย..

ไม่สามารถ "ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้" เหมือนสมัยก่อนๆ


ธรรมกายถ้าผิดจริง.. ก็คงไม่สามารถ "ฝ่าลมฝน" มาจนเป็นเวลาถึงสี่สิบกว่าปี..

พลิกผืนดินจาก "ทุ่งนาฟ้าโล่ง" จนมาเป็น "ศูนย์กลาง" ของพระพุทธศาสนาโลก..

ชีวิตคนเราก็แค่ไม่กี่สิบปี แถม "ท่านๆ" ทั้งหลาย ก็เป็นดั่ง "ไม้ใกล้ฝั่ง" เต็มที..

ไม่ได้ "สร้างคุณ" ให้แก่พระศาสนา ก็อย่าถึงกับได้ชื่อว่า "ทำลาย" สิ่งที่บรรพบุรุษสละเลือดเนื้อ "รักษา" กันมา..

ให้ลูกหลานในอนาคตมัน "ตราหน้า" ว่าก็ "พวกนี้" แหละที่ทำให้ "พระพุทธศาสนา" เกือบจะล่มสลายไปเมื่อหลายปีก่อน

เด็กข้างวัด..





5 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. อนุโมทนาบุญครับ เขียนได้ตรงประเด็นที่ซู้ด ดีเอสอายหน่วยงานที่เครดิตติดลบมานานแล้ว ปิดๆไปเลยดีกว่า ท่าทางเลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ

    ตอบลบ
  3. ก็เชื่อมานานแล้วครับว่า องค์กร DSi เชื่อถือไม่ได้เลย ทำเป็นพระเอกตามจับแต่ผู้อื่น ที่แท้เป็นตัวโกงนี่เอง ตั้งแต่เล็กจนโตมาดูหนัง ดูละคร ตอนจบ ตัวโกงจะตายกันแบบไม่สวยนะครับ แต่พระเอกรอด

    ตอบลบ
  4. เลิกโกงไปโกงมาสักทีไม่มีมูลก็สั่งยกฟ้องเสียเรื่องจะได้จบๆเดินหน้าประเทศให้ทันโลกเขาจะดีกว่า

    ตอบลบ
  5. บิ๊กต๊อกน่าจะสำนึกสิ่งที่ตัวเองทำบ้างนะ อย่างน้อยก็เกรงใจบรรพบุรุษของตัวเองบ้างป่านนี้คงจะร้องไห้กันระงมว่าทำไมลูกหลานฉันถึงได้เป็นแบบนี้

    ตอบลบ