"ภิกษุณี"ในสำนักพระเทวทัต"ตั้งครรภ์"ขึ้น เพื่อนภิกษุณีได้แจ้งแก่พระเทวทัต เพื่อให้ตัดสินความ... พระเทวทัต"ตัดสิน"ให้เธอ"สละสมณเพศ" สึกออกไปเสียจากสำนักเพราะ ไม่มีความรู้ในการพิจารณา
นางจึงกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ดิฉันไม่ได้บวชอุทิศตนต่อพระเทวทัต แต่ดิฉันบวชอุทิศตนต่อพระบรมศาสดา ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงพาดิฉันไปสู่สำนักของพระบรมศาสดาด้วยเถิด"
ตอนหลังความจึงแจ้งกระจ่าง ว่านางได้ตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนจะบวช โดยพระอุบาลีเชิญ"ผู้เชี่ยวชาญ" ด้านนี้ คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา มาร่วมกันพิสูจน์ "ชำระอธิกรณ์" เรื่องนี้ให้ชัดเจน
แน่นอน การจะ "ยืนยันถึงความบริสุทธิ์" ต้องมี "กระบวนการพิสูจน์" ทำความจริงให้กระจ่างชัด คลายข้อสงสัยแก่คนทั่วไป
แต่กระบวนการพิสูจน์นั้นต้อง "ถูกต้องและชอบธรรม" มิใช่ดั่งเช่นพระเทวทัต ที่รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว "ตัดสิน" ไปตาม "ความรู้ความเข้าใจ" ของตัวเอง
ภิกษุณีตั้งครรภ์ ก็ต้องอาศัยผู้ "เชี่ยวชาญ" เช่นนางวิสาขามาเป็นผู้พิจารณา เพราะนางมี บุตร-ธิดา ถึงยี่สิบคนย่อม "มากด้วยประสบการณ์"
คดีที่เกิดขึ้นแก่สงฆ์ ก็ต้องฟังความจากสงฆ์ มิใช่เอา"ฆราวาส" ที่ความรู้ก็ไม่มี ความดีก็ไม่เคยปรากฎ มาคอย "ชี้นำ" มาเป็นที่ "ปรึกษา"
เลิกพูดกันซะทีเถอะว่า ขอให้หลวงพ่อธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการ "ยุติธรรม" เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ในเมื่อ "กระบวนการ" นั้นมันเปรียบกับ "พระเทวทัต" ตัดสินคดี
เด็กข้างวัด
สุดยอด สาธุๆๆค่ะ
ตอบลบเยี่ยมยอดเลยค่ะ
ตอบลบเยี่ยมยอดเลยค่ะ
ตอบลบจะให้ใครเข้าสู่กระบวนการ ตั้งบนฐานชอบธรรมล้ำเลิศหลาย ขาดชอบธรรมถูกผิดติดอบาย มันช่างคล้ายเทวทัตตัดสินความ
ตอบลบจะให้ใครเข้าสู่กระบวนการ ตั้งบนฐานชอบธรรมล้ำเลิศหลาย ขาดชอบธรรมถูกผิดติดอบาย มันช่างคล้ายเทวทัตตัดสินความ
ตอบลบ